การรับลูกแมวของคุณกลับบ้านและช่วงเวลาในสัปดาห์แรก
สิ่งที่คุณควรรู้ในการดูแลลูกแมวของคุณ
ในช่วงสัปดาห์แรกควรเริ่มสร้างกิจวัตรประจำวัน ตลอดจนถึงพาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์ และเริ่มช่วยฝึกการเข้าสังคมให้ลูกแมว นอกจากนั้นคุณยังควรรู้วิธีช่วยให้ลูกแมวทำความรู้จักกับเพื่อน ครอบครัว เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ของคุณ ตลอดจนถึงวิธีจัดการการผจญภัยนอกบ้านครั้งแรกหลังจากที่ลูกแมวฉีดวัคซีนแล้ว
คุณพร้อมที่จะไปรับลูกแมวของคุณหรือยัง
คุณควรมีกระเป๋าแมวสำหรับใส่ลูกแมวของคุณด้วย รวมทั้งอาหารแบบที่เจ้าของเดิมให้ลูกแมวกิน นอกจากนี้ยังควรค้นหาสัตวแพทย์ที่คุณไว้วางใจและนัดหมายเพื่อตรวจสุขภาพในอีก 2-3 วันหลังจากที่คุณรับลูกแมวไปอยู่ด้วย
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบ้านของคุณได้รับการปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยสำหรับลูกแมวแล้ว และเตรียมห้องที่ลูกแมวจะอยู่ คุณยังต้องมีกระเป๋าแมวสำหรับการเดินทางด้วย และควรค้นหาสัตวแพทย์ล่วงหน้าเพื่อให้คุณสามารถจองคิวการตรวจสุขภาพสำหรับลูกแมวของคุณ หลังจากที่รับลูกแมวกลับบ้าน 2-3 วัน
คุณไม่ควรรับลูกแมวอายุน้อยกว่า 8 สัปดาห์ไปเลี้ยง และผู้เพาะพันธุ์สัตว์บางคนอาจให้ลูกแมวอยู่กับแม่และพี่น้องร่วมครอกเดียวกันจนถึงอายุ 12 สัปดาห์ เมื่อถึงตอนนั้นลูกแมวควรหย่านมแล้วและได้เรียนรู้ทักษะทางสังคมขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการปฏิสัมพันธ์กับแมวตัวอื่นๆ ระหว่างอายุ 8- 16 สัปดาห์คือช่วงเวลาที่ลูกแมวเริ่มเข้าใจสถานะของตัวเองในหมู่พี่น้อง จึงเป็นเวลาเหมาะสมที่ลูกแมวจะปรับตัวอีกครั้งในการไปอยู่กับคุณ
คุณควรพาลูกแมวกลับบ้านเมื่อคุณมีเวลาอยู่บ้านอย่างเงียบสงบกับลูกแมวสักสองสามวันโดยที่ไม่มีแขกนัดหมายไปเยี่ยม วางแผนไปรับลูกแมวในตอนเช้าเพื่อให้ลูกแมวมีเวลาทำความคุ้นเคยกับบ้านของคุณก่อนถึงกลางคืน
ถามเกี่ยวกับอาหารที่ลูกแมวกินและกิจวัตรประจำวันในการให้อาหาร รวมถึงการจัดการกระบะทราย ถามว่าลูกแมวเคยไปพบสัตวแพทย์ ได้รับการฉีดวัคซีนหรือถ่ายพยาธิ และฝังไมโครชิปหรือไม่ ถามเกี่ยวกับของเล่นโปรดของลูกแมว
หากเป็นไปได้ ควรทิ้งของเล่นและผ้าห่มไว้กับลูกแมว 2-3 วันก่อนที่จะรับลูกแมวกลับบ้าน เพื่อให้กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นปลอบโยนลูกแมวให้ผ่อนคลายระหว่างการเดินทางและเมื่อคุณกลับถึงบ้าน
อย่างไรก็ตาม ควรใช้กระเป๋าแมวไปด้วยในการเดินทาง เนื่องจากการปล่อยลูกแมวไว้บนเบาะหรือพื้นรถอันตรายมาก และลูกแมวยังอาจหนีหากคุณเดินหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ
เลือกกระเป๋าแมวที่จะยังใช้ได้เมื่อลูกแมวของคุณโตเต็มที่และวางผ้าห่มลงไปด้วยเพื่อให้ลูกแมวนอนสบาย กระเป๋าแมวแบบทึบจะช่วยให้ลูกแมวของคุณรู้สึกปลอดภัย และอย่าลืมนำกระดาษชำระม้วนใหญ่และผ้าห่มสำรองไปด้วยในกรณีที่ลูกแมวปัสสาวะโดยไม่ตั้งใจระหว่างการเดินทาง วางกระเป๋าแมวไว้ใกล้ๆ ระหว่างการเดินทางเพื่อให้ลูกแมวของคุณสบายใจ
หากคุณอยู่ในรถ ดูแลให้สิ่งต่างๆ นิ่ง และขับรถช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกแมวตกใจ คาดเข็มขัดนิรภัยรัดกระเป๋าแมวเพื่อไม่ให้เลื่อนไปมา หรือให้ผู้โดยสารอีกคนจับกระเป๋าแมวไว้
เพื่อช่วยให้ลูกแมวของคุณรู้สึกปลอดภัย ใช้ผ้าบางๆ คลุมกระเป๋าแมวและใส่ของเล่นหรือผ้าห่มที่มีกลิ่นที่คุ้นเคยในกระเป๋า การปล่อยให้ลูกแมวอยู่ในกระเป๋าระหว่างการเดินทางเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่คุณสามารถช่วยให้ลูกแมวนิ่งโดยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันแรกของลูกแมวกับคุณ
คืนแรกของลูกแมวกับคุณ
จัดเตรียมที่ที่ปลอดภัยสำหรับการนอน
เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ลูกแมวต้องการนอนหลับอย่างเพียงพอในสถานที่เงียบสงบที่ลูกแมวผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัย ลูกแมวของคุณอาจนอนวันละประมาณ 20 ชั่วโมง และยังคงต้องการนอนหลับนานถึง 18 ชั่วโมงเมื่อโตเต็มวัย
อาหารลูกแมวที่ดีที่สุดและพฤติกรรมการให้อาหาร
ให้อาหารชนิดเดิมกับก่อนหน้านี้
การเปลี่ยนอาหารลูกแมวทันทีทันใดอาจทำให้ลูกแมวปวดท้องและเครียด ดังนั้น ในสัปดาห์แรกควรให้อาหารแบบเดิมแก่ลูกแมว และปฏิบัติตามกิจวัตรการให้อาหารของเจ้าของเดิม จากนั้น คุณสามารถเปลี่ยนกิจวัตรการให้อาหารอย่างช้าๆ และเลือกอาหารลูกแมวที่เหมาะสำหรับอายุของลูกแมว หากคุณต้องการเปลี่ยน
หาที่เงียบๆ ให้ลูกแมวกินอาหาร
ควรเป็นที่ๆ ลูกแมวรู้สึกปลอดภัย ห่างจากที่ที่คุณและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ กินอาหาร แมวไม่ชอบกินใกล้กระบะทรายเกินไปและควรมีน้ำไว้ให้ด้วย ควรวางชามน้ำไว้ห่างจากอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน
อย่าให้นมหรือเศษอาหารแก่ลูกแมวของคุณ
หลังจากหย่านม การสูญเสียความสามารถในการย่อยน้ำตาลในนมและนมวัวอาจทำให้ลูกแมวท้องเสีย หากคุณให้ลูกแมวกินเศษอาหารของคุณ ลูกแมวอาจชอบขออาหาร ป่วยหรือน้ำหนักเกินจากการกินอาหารที่ไม่เหมาะสมมากเกินไป
อดทนกับความอยากอาหารลดลงของลูกแมวของคุณ
ความเครียดจากการย้ายบ้านใหม่อาจทำให้ลูกแมวของคุณกินไม่ได้มากนักในตอนแรก แต่ลูกแมวจะกลับมาอยากอาหารอีกครั้งหลังจากปรับตัวได้ นอกจากนั้นโปรดจำไว้ว่าธรมชาติของแมวจะไม่กินอาหารมื้อใหญ่ แต่ชอบกินมื้อเล็กๆ วันละหลายมื้อ หากคุณกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของลูกแมวของคุณ โปรดปรึกษาสัตวแพทย์
เรียนรู้เกี่ยวกับโภชนาการและการให้อาหารลูกแมว
วิธีเปลี่ยนอาหารให้ลูกแมวอย่างปลอดภัย
การเข้าสังคมของลูกแมว
การพาลูกแมวของคุณไปพบสัตวแพทย์ครั้งแรก
การพาลูกแมวของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหลังจากที่ลูกแมวใช้เวลาปรับตัวเข้ากับคุณ 2-3 วันเป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง การเตรียมตัวให้พร้อมจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าการไปพบสัตวแพทย์จะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกแมวของคุณ และคุณยังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลลูกแมว
พบสัตวแพทย์ครั้งแรกลูกแมวของคุณอาจรู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อย้ายบ้านใหม่ แต่คุณสามารถช่วยให้ลูกแมวสงบลง เคลื่อนไหวช้าๆ อย่างนุ่มนวล และใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการสัมผัสตัวลูกแมว ใช้เสียงนุ่มนวลและให้ความมั่นใจอย่างเต็มที่ขณะที่คุณแนะนำให้ลูกแมวรู้จักสถานที่ เสียง และกลิ่นใหม่ๆ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณลดจำนวนแขกที่มาเยี่ยมให้เหลือน้อยที่สุดในระยะแรก
วิธีแนะนำลูกแมวของคุณให้รู้จักเด็ก สัตว์เลี้ยง และแมวโตเต็มวัยตัวอื่นๆ
ลูกแมวเครียดหรือหวาดกลัวได้ง่ายๆ เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อื่นๆ และผู้คน ดังนั้น คุณจึงควรแนะนำแมวให้รู้จักกับผู้คนและสัตว์อื่นๆ ด้วยวิธีการที่เหมาะสม
การแนะนำลูกแมวของคุณกิจวัตรตอนกลางวันของลูกแมว
ลูกแมวสามารถออกไปข้างนอกโดยที่คุณคอยดูแลหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเมื่ออายุประมาณ 4 เดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม ลูกแมวยังไม่พร้อมออกไปข้างนอกโดยไม่มีคนคอยดูแลจนกว่าจะอายุประมาณ 6 เดือน
เช่นเดียวกับที่ลูกแมวของคุณต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบ คุณยังควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า
- เราสามารถระบุตัวลูกแมวได้จากไมโครชิป ปลอกคอที่สวมได้พอดี และป้ายชื่อ
- สวนของคุณได้รับการปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยสำหรับลูกแมวแล้ว
- คุณรู้สิ่งที่ลูกแมวโปรดปราน ดังนั้น คุณสามารถใช้สิ่งนั้นกระตุ้นให้ลูกแมวกลับเข้าบ้าน
ก่อนที่จะออกไปข้างนอกโดยไม่มีคนดูแล ลูกแมวของคุณจำเป็นต้องทำหมันเพื่อป้องกันการเกิดลูกแมวที่ไม่เป็นที่ต้องการ
การออกกลางแจ้งครั้งแรกของลูกแมวของคุณอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ต่อไปนี้คือวิธีการบางอย่างที่จะช่วยให้แน่ใจว่านี่จะเป็นประสบการณ์ที่ดี
- เลือกเวลาที่เงียบสงบ และไม่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
- ออกไปก่อนเวลาอาหารเย็นเพื่อให้คุณสามารถใช้อาหารลูกแมวดึงดูดลูกแมวกลับเข้าบ้าน
- เดินไปด้วยขณะที่ลูกแมวสำรวจเพื่อไม่ให้ลูกแมวหลงทาง
- เปิดประตูทิ้งไว้เพื่อให้ลูกแมวเห็นว่าสามารถกลับเข้าบ้านได้อย่างไร